โครงงาน วิชาคอมพิวเตอร์

บล็อกแสดงการเรียนการสอน

การอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นของเรา

ผลจากการกระทำของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นมนุษย์ได้มีบทบาทในการทำให้สภาพแวดล้อมเสียไป ทั้งโดยความจงใจและ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากกิจกรรมของมนุษย์ และจากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้อย่างไม่คำนึงถึงผลเสียที่มีต่อสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามมามากมาย ดังนี้

1. มลพิษทางอากาศ หรืออากาศเป็นพิษ ซึ่งเกิดจากการที่ในอากาศมีปริมาณของออกซิเจนน้อย แต่มีส่วนผสมของฝุ่นละอองและสารอื่นๆ ปะปนอยู่มาก ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายของคนเรา

2. มลพิษทางน้ำ หรือน้ำเสียส่วนใหญ่ เกิดจากการทิ้งสารพิษลงในแหล่งน้ำ เช่น ขยะ น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม สารเคมีที่ใช้ในการเกษตร ทำให้น้ำเน่าเสีย นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค สัตว์น้ำไม่มีที่อยู่อาศัย

3. ปัญหาเกี่ยวกับดิน มีหลายประการได้แก่ ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เพราะการใช้ดินที่ผิดประเภท ดินเน่าเสียเพราะการทิ้งขยะและสารเคมี ดินจืดเพราะขาดปุ๋ย เนื่องจากการปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำๆ ในพื้นที่เดิมการแก้ปัญหาและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นแนวทางการแก้ปัญหาและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น สามารถปฏิบัติได้ดังนี้

1) สร้างความตระหนัก ความรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการรักษาสภาพแวดล้อมแก่ประชาชน และบุคลากรของหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น

2) ให้คนในท้องถิ่นหรือในชุมชนร่วมกันกำหนดมาตรการ แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ รวมทั้งการลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง

3) ปลุกจิตสำนึกของคนในท้องถิ่นให้มีความรู้สึกรัก และภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง เพื่อจะได้ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น

4) ร่วมกันฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นที่เสื่อมโทรมให้ดีขึ้น เช่น โครงการปลูกป่า ทดแทน โครงการปลูกป่าชายเลน



การจัดการทรัพยากรชายฝั่งโดยชุมชน

จากข้อเสนอสมัชชาสุขภาพจังหวัดสู่ข้อบัญญัติท้องถิ่น

การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง เป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากทรัพยากรชายฝั่งเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้านกว่าหมื่นครอบครัว และเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่มีคุณภาพสูงที่สุดสะอาดราคาถูกให้กับคนนครและส่งไปยังจังหวัดอื่นๆ ด้วย แต่ปัจจุบันทรัพยากรชายฝั่งลดลงอย่างต่อเนื่องจากสาเหตุหลายประการ ที่สำคัญคือ การทำประมงแบบทำลายล้าง มุ่งกอบโกยเอาสัตว์น้ำให้มากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงการทำลายสัตว์น้ำวัยอ่อน สัตว์น้ำที่กำลังวางไข่ และผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม คณะทำงานสมัชชาสุขภาพจังหวัดจึงได้นำประเด็นดังกล่าวสู่การขับเคลื่อนผ่านกระบวนการสมัชชาสุขภาพ

การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย ประเด็น “การจัดการทรัพยากรชายฝั่งโดยชุมชน” เริ่มจากการศึกษาสถานการณ์การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง: องค์กรชุมชนกับการฟื้น ‘เลหน้าบ้าน’ การร่วมเรียนรู้บทเรียนจากพื้นที่เล็กๆ สู่การตอบคำถามสำคัญของสังคมเรื่องรูปแบบบ้านสัตว์น้ำเพื่อการอนุรักษ์แบบมีส่วนร่วม และการศึกษานโยบายรัฐที่เอื้อต่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งจากประสบการณ์การเรียนรู้นับกึ่งทศวรรษของชุมชนบ้านสระบัว ประกอบกับการร่วมศึกษาและพัฒนาการจัดการทรัพยากรชายฝั่งร่วมกับภาครัฐ/ท้องถิ่น ประมงจังหวัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นปากพูนและท่าศาลา นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ได้ก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่สำคัญสำหรับการส่งเสริมให้เกิดการจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างยั่งยืน และมีการร่างข้อเสนอเชิงนโยบายใน ๔ ระดับ คือ ระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด และระดับประเทศ โดยเฉพาะข้อเสนอต่อท้องถิ่น ที่มีข้อเสนอสำคัญ ๕ ข้อ คือ ๑) ออกกฎระเบียบ ข้อบัญญัติโดยศึกษาข้อมูลทางวิชาการรองรับ เช่น การวิจัย โดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ๒)สร้างกลไกสนับสนุน ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากร ๓)จัดสรรงบประมาณสนับสนุนองค์กรชุมชน โดยให้อิสระแก่ชุมชนในการกำหนดการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อการอนุรักษ์และความเข้มแข็งของชุมชน ๔)จัดตั้งหน่วยที่รับผิดชอบ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากร และให้มีส่วนร่วมจากชุมชน เช่น การปราบปรามและการติดตามการเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย การเฝ้าระวัง (โดยมีเครื่องมือสื่อสารวิทยุ) และ ๕) องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ (บ้าน) ในบริเวณชายฝั่งตามศักยภาพความเหมาะสมของพื้นที่ โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการสัญจรทางน้ำ

ร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย ประเด็น “การจัดการทรัพยากรชายฝั่งโดยชุมชน” ถูกนำเข้าพิจารณาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และพิจารณาแบบมีส่วนร่วมจากสมาชิกเครือข่าย องค์กร และหน่วนงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ๓ ภาคส่วน ในสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครศรีธรรมราช ๒๕๕๑ ที่มีการจัดห้องย่อยพิจารณาข้อเสนอเชิงนโยบายพร้อมๆ กับร่างข้อเสนอเชิงนโยบายอีก ๒ ประเด็น คือ เกษตรที่เอื้อต่อสุขภาพ และอาสาสมัครสร้างสุขชุมชน เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และมีการมอบข้อเสนอที่ผ่านการรับรองจากที่ประชุมใหญ่ต่อตัวแทนภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคท้องถิ่น และมีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมของชาวนครศรีธรรมราชในเวทีด้วย

จากข้อเสนอเชิงนโยบายที่ผ่านการรับรองในสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี ๒๕๕๑ ในปี ๒๕๕๒ คณะทำงานสมัชชาสุขภาพประเด็นการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง ได้ดำเนินการเพื่อติดตามผลักดันข้อเสนออย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลสำเร็จที่ผ่านมา คือ การทำ “บ้านปลา” ทั้งบ้านชั่วคราวและบ้านถาวร และการใช้ระเบิดชีวภาพเพื่อปรับปรุงสภาพหน้าดิน และที่สำคัญคือการผลักดันให้มีการออกข้อบัญญัติ อบต.ท่าศาลา ว่าด้วย การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายประมงพื้นบ้านท่าศาลา คณะทำงานสมัชชาสุขภาพ และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา โดยนายก อบต.ท่าศาลาได้แต่งตั้งคณะทำงานจากหลายภาคส่วนเพื่อยกร่างข้อบัญญัติ และมีเวทีแลกเปลี่ยนเพื่อปรับปรุงร่างข้อเสนออย่างต่อเนื่องถึง ๘ เวที (เวทีระดับตำบล ๖ เวที เวทีระดับจังหวัด ๒ เวที) และมีเวทีประชาพิจารณ์ข้อบัญัติ ๑ เวที ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ของ อบต.ท่าศาลา ซึ่งข้อบัญญัติดังกล่าวผ่านการรับรองเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน ๒๙ เสียง จากสมาชิกสภา อบต. ๓๐ คน เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ โดยในการออกข้อบัญญัติ มีเจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการป้องกันและการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ภายใต้นโยบายสาธารณะและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย โดยเน้นที่ ๓ จุดหลัก คือ ๑) กระบวนการเฝ้าระวังแบบมีส่วนร่วม ๒)การออกกติกา ข้อบัญญัติ ประกาศจังหวัด และ ๓)แผนการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง






วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รักแม่...ไปทุกวัน



พระคุณแม่ยิ่งใหญ่หาใดเทียบ
มิอาจเปรียบแม้ภูผาชลาสินธุ์
น้ำนมที่กลั่นให้ลูกได้ดื่มกิน
ลูกถวิลถึงคุณค่าว่าอนันต์
แม่เหน็ดเหนื่อยเริ่มแต่แม่ตั้งท้อง
เฝ้าประคองทั้งดวงใจไม่เหหัน
ทำทุกอย่างเพื่อลูกยาสารพัน
แม้คืนวันผันผ่านนานนับปี
ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ได้เรียนรู้
แม่เฝ้าดูอยู่ข้างกายไม่หน่ายหนี
อยากเห็นลูกสุขสบายในชีวี
เป็นคนดีที่สังคมนั้นชมเชย
เหงื่อท่วมกายไม่เคยท้อแม้อ่อนล้า
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแม่เมินเฉย
ลูกซาบซึ้งในบุญคุณมิลืมเลย
ขอชดเชยแทนทดจนหมดใจ…..


ในสังคมต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญกับ "ความเป็นแม่" และคำเรียกผู้ที่ให้กำเนิดสมาชิกใหม่ของแต่ละสังคมส่วนใหญ่จะเป็นคำแรกที่เด็กสามารถเปล่งเสียงได้ก่อน "แม่" ดังนั้นความหมายของคำว่า "แม่" ทุกภาษาและวัฒนธรรมจะมีคุณค่าอย่างมาก และหากสังเกตจะพบว่า "แม่" เป็นเสียงที่เด็กสามารถเปล่งได้อย่างง่าย และเป็นคำแรกที่สามารถออกเสียงนั้นได้อย่างมีความหมาย


นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ (Bilabial) ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น

ภาษาไทย เรียก แม่
ภาษาจีน เรียก ม๊ะ หรือ ม่า

ภาษาฝรั่งเศส เรียก la mere (ลา แมร์)

ภาษาอังกฤษ เรียก mom , mam

ภาษาโซ่ เรียก ม๋เปะ

ภาษามุสลิม เรียก มะ

ภาษาไท เรียก ใต้คง เม เป็นต้น


"แม่" เป็นคำโดดหรือคำไทยที่บ่งบอกความสัมพันธ์อันอบอุ่นลึกซึ้งระหว่างผู้หญิงกับลูก แม่ หมายถึง ผู้มีพระคุณ ผู้ให้กำเนิด ให้น้ำนมลูกดื่มกิน ให้ความรักความเมตตาและปกป้องดูแลลูกจนเติบใหญ่ คำว่า "แม่" มักถูกนำไปใช้ร่วมกับคำอื่น ๆ โดยมีความหมายแตกต่างกันออกไป


อย่างไรก็ตาม ความหมายหลักของคำว่า แม่ ก็คงหนีไม่พ้นการเป็นผู้ให้ชีวิตหรือหญิงผู้ให้กำเนิดบุตร หญิงผู้ปกป้องคุ้มครองและดูแลรักษา สังคมไทยยังใช้คำว่าแม่ตามความหมายนี้เรียกสิ่งดีงามตามธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อยกย่องเทอดทูนในฐานะผู้ให้กำเนิดและหล่อเลี้ยงชีวิต เช่น แม่น้ำ แม่โพสพ แม่ธรณี เป็นต้น ความหมายของคำว่าแม่ในลักษณะเช่นนี้แสดงให้เห็นชัดอย่างชัดเจนว่าสังคมไทยแต่โบราณมายกย่องและให้เกียรติสตรีเพศผู้เป็นแม่ ตระหนักในบทบาทหน้าที่และบุญคุณของแม่ต่อชีวิตของลูก ๆ ตลอดมาทุกยุคทุกสมัย


ในบริบทของสังคมวัฒนธรรมไทย แม่ คือ ผู้เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อลูก ๆ คอยดูแลเอาใจใส่และประคบประหงมลูกจนเติบใหญ่ ความรักของแม่ถือว่าเป็นความรักที่บริสุทธิ์ สังคมไทยมักพูดถึงแม่ในฐานะของผู้ที่รักลูกยิ่งชีวิต พร้อมจะตกระกำลำบากเพื่อลูกของตนโดยไม่สำนึกเสียใจ นางจันทร์เทวีถูกขับออกจากเมือง ต้องระเหเร่ร่อนไร้ที่ซุกหัวนอนเพราะคลอดลูกเป็นหอยสังข์ แต่นางก็ยังรักและเฝ้าทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงโดยไม่เคยคิดรังเกียจเดียดฉันท์แม้แต่สัตว์อย่างนางนิลากาสร ก็ยังรักและหวงแหนลูกอย่างทรพี ปกป้องลูกของตนมิให้ถูกฆ่าดังเช่นลูกของตัวอื่น ๆ แม้ว้าโดยทั่วไปแล้ว คำว่า "แม่" จะบ่งบอกความหมายของการเสียสละ ความรักและความผูกพันที่ผู้หญิงที่มีต่อลูกของตน แต่การที่สังคมไทยมีลักษณะวัฒนธรรมเฉพาะที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละชนชั้น ทำให้ความหมายของการเป็นแม่ ตลอดจนบรรทัดฐาน แบบแผน พฤติกรรมและบทบาทฐานะของผู้หญิงในวัฒนธรรมของแต่ละชนชั้นย่อมแตกต่างกันไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น